วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การรบแห่งมุกเดน สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น ( ก่อน WW1 )




 
การรบแห่งมุกเดน
      Battle of Mukden


จักรวรรดิรัสเซีย 
จักรวรรดิญี่ปุุ่น







เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านควรเปิดเพลงประกอบไปด้วยนะครับ


สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น นับเป็นสงครามหนึ่งที่สั่นสะเทือนโลก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า ประเทศที่เล็กกว่าอย่างญี่ปุ่น จะสามารถเอาชนะรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างสะพรึงกลัว เป็นการตอกย้ำให้ทั่วโลกเห็นว่า ชาวเอเชียเองก็สามารถเอาชนะชาวยุโรปได้ ทางรัสเซียเองต้องสูญเสียเกียรติภูมิลงไปอย่างมาก เพราะแทบจะไม่เคยได้รับชัยชนะในสงครามนี้เลย

     การรบแห่งมุกเดน เป็นการรบใหญ่ภาคพื้นดินครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย ระหว่างกองทัพรัสเซียและญี่ปุ่นในสงครามครั้งนี้ การรบเป็นไปอย่างรุนแรงที่สุด รวมยอดความสูญเสียทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย นับเป็นจำนวนกว่าแสนคน เรียกได้ว่าการรบครั้งเดียวสูญเสียมากกว่าสงครามบางแห่งเสียอีก
ทหารรัสเซียต้านทานการบุกแบบคลื่นมนุษย์ของทหารญี่ปุ่น

กล่าวนำ

     หนึ่งในการรบทางบกครั้งใหญ่ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คือการรบแห่งมุกเดน (อังกฤษ=Battle of Mukden ญี่ปุ่น=奉天会戦 อ่านว่า โฮเท็น ไคเซน/Hōten kaisen) เป็นการรบทางบกขนาดใหญ่ครั้งสุดท้าย ในสงครามรัสเซียญี่ปุ่น การรบเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์จนสิ้นลงในวันที่ 10 มีนาคม ปี1905 ระหว่างฝ่ายญี่ปุ่นกับรัสเซีย ใกล้กับมุกเดนในแมนจูเรีย ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกว่าเมืองเสิ่นหยาง (Shenyang) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเหลียวหนิง ในสาธารณรัฐประชาชนจีน

      กองกำลังของฝ่ายรัสเซียประกอบไปด้วยทหารเป็นจำนวนมากกว่า 276,000คน ภายใต้การนำของ นายพล อเล็กเซ นิโคเลวิช คูโรแพทคิน (Alexei Nikolajevich Kuropatkin) ส่วนกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นมีทหารจำนวนใกล้เคียงกันคือ 270,000คน ภายใต้การนำของ จอมพลองค์ชาย โอยาม่า อิวาโอ (Field-Marshal Prince Oyama Iwao)


แผนที่ตั้งเมืองมุกเดน

ภูมิหลัง

      หลังจากการรบที่เลี่ยวหยาง (Battle of Liaoyang) ซึ่งดำเนินเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม - 4 กันยายน ปี1904 ฝ่ายรัสเซียก็ได้ถอยข้ามแม่น้ำชา โฮ (Sha Ho) ทางตอนใต้ของมุกเดน และเร่งรีบระดมกำลังกัน ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ถึง 17 ตุลาคม ระหว่างการรบแห่งชาโฮ (Battle of Shaho) การโจมตีตอบโต้ของรัสเซียประสบกับความล้มเหลว แต่ก็สามารถหยุดการรุกคืบหน้า ของฝ่ายญี่ปุ่นไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง

     การตีโต้ครั้งที่สองของฝ่ายรัสเซีย กระทำระหว่างการรบแห่งซาเตอะผู่ (Battle of Sandepu) ตั้งแต่วันที่ 25-29 มกราคม 1905 แต่ก็ประสบความล้มเหลวเข่นเดียวกัน หลังจากปอร์ตอาเธอร์ถูกตีแตกแล้ว นายพลโนกิ (General Nogi) จึงได้ส่งกองทัพที่ 3 (3rd Army) ขึ้นเหนือเพื่อสนับสนุน กองกำลังญี่ปุ่นที่ประจำแนวหน้าใกล้กับมุกเดน เพื่อเตรียมการบุกโจมตี
นายะล โนกิ ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น

เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1905 กองทัพที่ 3 ของนายพลโนกิก็มาถึงแนวหน้ามุกเดน กองกำลังของญี่ปุ่นก็มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก เพิ่มแรงกดดันให้กับมุกเดนอย่างมาก การสูญเสียทหารจำนวนมาก,สภาพอากาศที่โหดร้าย และการที่กองเรือภาคพื้นบอลติคของรัสเซียกำลังเดินทางมา ล้วนแต่กดดันให้ โอยาม่าต้องเร่งทำลายกองทัพรัสเซียให้สิ้นซากมากกว่าที่จะได้รับชัยชนะโดยปล่อยให้รัสเซียถอยเข้าไปในแมนจูเรีย

จอมพล โอยาม่า อิวาโอ

การวางแผน

     แนวตั้งรับของฝ่ายรัสเซียทางตอนใต้ของมุกเดน มีความยาวกว่า 90ไมล์ (140กิโลเมตร) เป็นแนวลึกไม่มากนัก ตอนกลางมีกองหนุน ส่วนทางปีกขวาเป็นพื้นที่ราบ แนวตั้งรับป้องกันโดยกองทัพแมนจูเรี่ยนที่ 2 (Second Manchurian Army) ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพล บารอน ฟอน เคาบาร์ (General Baron von Kaulbars) ผู้ซึ่งมารับตำแหน่งแทนนายพล ออสการ์ เฟอร์ดินานด์ คาซิมีร์โรวิช (General Oskar-Ferdinand Kazimirovich Grippenberg) ทางตอนกลางของแนว รางรถไฟและถนนป้องกันโดย กองทัพแมนจูเรี่ยนที่ 3 (Third Manchurian Army) นำโดยนายพลไบเดอร์ริงก์ (General Bildering) ส่วนเนินด้านปีกทางตะวันออก ป้องกันโดยกองทัพแมนจูเรี่ยนที่ 1 (First Manchurian Army) ภายใต้การนำของ นายพลนิโคไล ลิเนวิช (Nikolai Linevich) ปีกทางด้านนี้ยังได้รับกำลังสนับสนุนจากทหารม้า 2-3กอง ของนายพล เพา ฟอน เรนเนนคัฟ (Paul von Rennenkampf) นายพลคูโรแพทคินได้จัดวางกำลังของเขาอย่างดี สำหรับทำการตั้งรับโดยเฉพาะ โดยไม่มีการเปิดช่องว่างใดๆไว้เลย

ฝ่ายรัสเซียระหว่างถอยทัพ

ทางฝ่ายรุกคือญี่ปุ่นนั้น กองทัพที่1 (1st Army) ของนายพลคุโรกิ (General Kuroki) และกองทัพที่4 (4th Army) ของนายพลโนะสุ (General Nozu) จะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกตามทางรถไฟ ส่วนกองทัพที่2 (2nd Army) ของนายพลโอกุ (General Oku) จะมุ่งหน้าไปทางตะวันตก โดยมีกองทัพที่สามของนายพลโนกิ เคลื่อนทัพตามหลังไปอย่างปิดบัง จนกว่าจะถึงสนามรบ ได้มีการจัดทัพใหม่เป็นกองทัพที่ 5 (5th Army) ของนายพล คาวามูระ คาเกอิ (General Kawamura Kageaki) เป็นทัพหลักตีปีกทางตะวันออกของรัสเซีย กองทัพที่5 เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง ประกอบไปด้วยหทารกว่า 11กองพล จากปอร์ตอาเธอร์ และทหารกองหนุน

     นายพลคูโรแพทคินเชื่อว่าการโจมตีหลักของญี่ปุ่น จะกระทำจากภูเขาทางด้านตะวันออก เพราะจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี ซึ่งการปรากฏตัวของทหารญี่ปุ่นที่เคยประจำในกองทัพที่3 แห่งกองพลที่11 ช่วยสนับสนุนความเชื่อของเขา

นายพล อเล็กเซ คูโรแพทคิน

จอมพลโอยาม่าวางแผนไว้ว่า จะใช้5กองทัพทำการล้อมกรอบมุกเดน เพื่อตัดเส้นทางที่อาจจะทำให้ทหารรัสเซียหลบหนีไปได้ เขาได้กำชับในคำสั่งที่ให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ในเมืองมุกเดน ตลอดสงครามครั้งนี้ญี่ปุ่นมีนโยบาย ที่จะหลีกเลี่ยงการทำให้พลเรือนจีนได้รับความสูญเสีย ซึ่งแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้คือระหว่าง สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War) และหลังจากนี้คือ สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ( Second Sino-Japanese War) เป็นอย่างมาก

การรบ

     การรบเปิดฉากขึ้นเมื่อกองทัพที่ 5 ของญี่ปุ่น ทำการโจมตีทางด้านปีกซ้ายของฝ่ายรัสเซีย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พอถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ กองทัพที่ 4 ของญี่ปุ่นก็เปิดฉากโจมตีทางปีกขวา ส่วนกองทัพอื่นๆของญี่ปุ่น เข้าโจมตีแนวป้องกันของรัสเซียด้านหน้า ในวันเดียวกันกองทัพที่ 3 ของญี่ปุ่น ได้มุ่งหน้าตีวงล้อมทางตะวันตกเฉียงเหนือของมุกเดน

     ในวันที่ 1 มีนาคม การรบกระทำกันทางตะวันออก และแนวหน้าตอนกลางเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายญี่ปุ่นพยายามรุกด้วยกำลังไปทีละน้อย แต่ก็ต้องได้รับการต้านทานอย่างรุนแรงจากฝ่ายรัสเซีย จนสูญเสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งในวันที่ 7 มีนาคม นายพลคูโรแพทคินได้ตัดสินใจ ย้ายกองกำลังจากด้านตะวันออก มาตีโต้กองทัพที่ 3 และมุ่งหน้าสู่แนวรบด้านตะวันตก เพราะเขาเป็นกังวัลในการรุกของนายพลโนกิ นายพลคูโรแพทคินได้ตัดสินใจนำกองทัพบุกโจมตีด้วยตนเอง แต่เนื่องจากกองทัพรัสเซียทางด้านตะวันออกและตะวันตก ไม่ได้ประสานการโจมตีพร้อมกัน กองทัพแมนจูเรี่ยนที่ 1 และ 3 ต่างกระจัดกระจายและอยู่ในความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ จึงสบโอกาสให้จอมพลโอยาม่า ซึ่งรออยู่แล้วออกคำสั่งโจมตี และกลายเป็นฝ่าย "ติดตามและทำลาย" และเป็นโชคดีของญี่ปุ่นที่สภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้น้ำในแม่น้ำฮั่น (Hun River) จับตัวเป็นน้ำแข็ง ไม่เป็นอุปสรรคแก่การโจมตีของญี่ปุ่นแต่อย่างใด
ภาพวาดการรบที่มุกเดนบนหนังสือของฝรั่งเศส

แต่เมื่อกำลังจะถูกล้อมและไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะแล้ว นายพลคูโรแพทคินได้ออกคำสั่งให้ถอนทัพไปทางเหนือ เมื่อเวลา 18.45น. ของวันที่ 9 มีนาคม การถอนกำลังของรัสเซียประสบความยุ่งยาก เนื่องจากการกองทัพญี่ปุ่นของนายพลโนะสุ ได้ติดตามข้ามแม่น้ำฮั่นมาจากทางด้านหลัง และได้เร่งเข้ารุกตีฝ่ายรัสเซียที่ล่าถอยอยู่ตลอดเวลา กองทัพรัสเซียที่เสียขวัญได้ละทิ้ง คนเจ็บ อาวุธ และเสบียงไว้ ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปสู่ เตี่ยหลิง(Tiehling)

     ณ.เวลา 10.00น.ของวันที่ 10 มีนาคม กองทัพญี่ปุ่นก็สามารถยึดเมืองมุกเดนไว้ได้อย่างเด็ดขาด

                                                 ภาพวาดการรบแห่งมุขเดนของฝรั่งเศส








แผนที่แสดงการรบ ญี่ปุ่นสีแดง รัสเซียสีน้ำเงิน


ทหารญี่ปุ่นในสนามเพลาะ
อวสาน

     ฝ่ายรัสเซียสูญเสียรวมแล้วเป็นจำนวนกว่า 90,000คน และต้องสูญเสียเสบียงและกระสุนไปเป็นจำนวนมาก นายพลคูโรแพทคินเกรงว่าฝ่ายญี่ปุ่นจะรุกเข้ามาอีก จึงมีคำสั่งให้เผาเมืองเตี่ยหลิงทิ้ง และให้กำลังพลที่เหลือออกเดินทางไปทางเหนือ ใช้เวลาเดินทาง 10วัน จึงไปถึงที่มั่นใหม่ที่ หัสเผิงไค (Hspingkai) ปัจจุบันคือเมืองสื้อเผิง (Siping) จังหวัดจีลิน (Jilin) สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นมียอดสูญเสียรวมอยู่ที่ 70,000คน

     หลังการรบครั้งนี้ทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ทำการสู้รบขนาดใหญ่อีกเลยไปจนสิ้นสุดสงคราม



บรรรณานุกรม

และเว็ป Tanarmy ที่ได้แปลไว้ให้แล้วอย่างสูงครับ


บทสรุปการรบแห่งมุกเดน

การรบแห่งมุกเดน
เป็นส่วนหนึ่งของ:สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น
วันเวลา20 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 1905
สถานที่ทางใต้ของมุกเดน,แมนจูเรีย
ผลการรบจักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะ
คู่สงคราม
จักรวรรดิญี่ปุ่น
จักรวรรดิรัสเซีย
ผู้บัญชาการ
จอมพล โอยาม่า อิวาโอ
นายพล อเล็กเซ คูโรแพทคิน
กำลังพล
200,000-270,000นาย
210,000-276,000นาย
ความสูญเสีย
เสียชีวิต 15,892คน
บาดเจ็บ 59,612คน
เสียชีวิต 8,705คน
บาดเจ็บ 51,438คน
สูญหาย 28,209คน


                                                      คลิบกลยุทธ์การรบแห่งมุขเด็น

1 ความคิดเห็น:

  1. 바카라사이트인포After I originally commented I seem to have clicked on the -Notify me when new comments are added- checkbox and from now on each time a comment is added I receive 4 emails with the exact same comment. Is there a way you can remove me from that service? Many thanks.

    ตอบลบ