ปืนที่พระเอกเลือกใช้ M16 / M4
หลังสงครามโลกครั้งที่2สงบลงสามปี หนึ่งในความพยายามพัฒนายุทโธปกรณ์และกำลังรบของกองทัพสหรัฐฯ คือการสร้างเกราะป้องกันร่างกายเพื่อรักษาชีวิตกำลังพล เมื่อกระสุนปืนประจำกายทหารราบมีพื้นที่หน้าตัดเล็กลงแต่ความเร็วสูงขึ้น รายงานการสู้รบจากสงครามโลกครั้งที่1และ2ถูกรวบรวมได้กว่า3ล้านชิ้นเพื่อนำมาวิจัย ให้ทราบเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ของการบาดเจ็บ
จากศึกษาอย่างต่อเนื่องไม่กี่ปีก็ได้ข้อสรุปว่าทหารมักจะยิงกันใกล้ๆในระยะเห็นหน้าเพื่อความแม่น ส่วนใหญ่กองกำลังจะปะทะกันโดยบังเอิญ โอกาสถูกยิงจึงบังเอิญตาม ทหารชอบสาดกระสุนมากกว่าเล็งประณีต เมื่อความบาดเจ็บนั้นไม่ได้เกิดจากการเล็งประณีตเพราะเป้าหมายเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา เมื่อปะทะแล้วต้องการเอาตัวรอดให้ได้จากเหตุเฉพาะหน้าก่อน พวกที่ใช้ปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ(M1และปืนเล็กยาวร่วมสมัย)จะมีโอกาสยิงน้อยกว่าพวกถืออาวุธยิงเร็วอย่างBAR(Browning Automatic Rifle)หรือปืนกลอย่างM3 ที่เหนี่ยวไกครั้งเดียวสามารถสาดกระสุนได้เป็นสาย มีโอกาสถูกเป้ามากกว่าเล็งประณีต
BAR (Browning Automatic Rifle)
ยิ่งรบอเมริกันยิ่งรู้ว่าทหารอยากพกกระสุนเข้าสนามรบมากขึ้น ปืนเดิมสร้างจากไม้กับเหล็กหนักอึ้งเป็นภาระ ลำพังปืนอย่างเดียวกับสัมภาระส่วนตัวก็บั่นทอนสมรรถนะของทหารมากอยู่แล้ว ยังต้องหอบหิ้วกระสุนหนักและใหญ่โตเกินจำเป็นแรงถีบก็สูงเข้าสนามอีก แทนที่จะเคลื่อนไหวได้เร็วมีกำลังเหลือมากเพื่อรบได้ยาวนาน กลับจะเป็นเป้าได้ง่าย
ปืนใหม่ที่จัดหามาในค.ศ.1954ระหว่างการวิจัยและพัฒนา คือM14ที่ยังตอบปัญหาเรื่องน้ำหนักและจำนวนกระสุนไม่ได้ มันยังหนักและใช้กระสุนเส้นผ่าศูนย์กลาง7.62ม.ม.มาตรฐานนาโตที่หนัก ทหารนำเข้าสนามได้น้อย ความยาวของปืนและน้ำหนักยากต่อการรบระยะประชิดที่นับจะเกิดถี่ขึ้น ทั้งในป่า เมือง หรือสงครามเต็มรูปแบบเคลื่อนที่เร็วด้วยยานยนต์ ร้อนถึงสำนักวิจัยและพัฒนาอาวุธเบาต้องทบทวนแนวความคิดเดิม เพื่อรับมือกับการคุกคามของค่ายคอมมิวนิสต์และรูปแบบการสู้รบอันเปลี่ยนไป
ปืนใหม่ที่จัดหามาในค.ศ.1954ระหว่างการวิจัยและพัฒนา คือM14ที่ยังตอบปัญหาเรื่องน้ำหนักและจำนวนกระสุนไม่ได้ มันยังหนักและใช้กระสุนเส้นผ่าศูนย์กลาง7.62ม.ม.มาตรฐานนาโตที่หนัก ทหารนำเข้าสนามได้น้อย ความยาวของปืนและน้ำหนักยากต่อการรบระยะประชิดที่นับจะเกิดถี่ขึ้น ทั้งในป่า เมือง หรือสงครามเต็มรูปแบบเคลื่อนที่เร็วด้วยยานยนต์ ร้อนถึงสำนักวิจัยและพัฒนาอาวุธเบาต้องทบทวนแนวความคิดเดิม เพื่อรับมือกับการคุกคามของค่ายคอมมิวนิสต์และรูปแบบการสู้รบอันเปลี่ยนไป
![]() |
| M-14 |
เพื่อให้ได้อาวุธประจำกายทหารราบอายุใช้งานนานปี โครงการซัลโวจึงรื้อสร้างแนวคิดเรื่องการพัฒนาปืนใหม่หมดตลอดเวลาสองช่วง ด้วยกระสุนหลายขนาดไม่เฉพาะแต่5.56ม.ม. แต่กระสุนขนาดเดิมคือ7.62ก็ถูกนำเข้าทดสอบด้วยเพื่อหาทางออกให้ปืนแบบใหม่ ระหว่างนั้นบริษัทผลิตอาวุธของเบลเยียมคือฟาบรีค นาซิญ็องนาล(FN)เสนอแบบปืนเข้าเสนอแบบแข่งขันพร้อมกับบริษัทอเมริกันเกิดใหม่คืออาร์มาไลต์ต้นสังกัดของนักออกแบบอาวุธหัวก้าวหน้า ยูจีน สโตเนอร์ โดยยังใช้กระสุนขนาด7.62 ม.ม.เคียงข้างกันมาตลอด
AR-10จากฝีมือออกแบบของสโตเนอร์จัดว่าแหวกแนวที่สุดในยุคนั้น ด้วยรูปทรงแทบไม่ต่างจากM16ในปัจจุบัน เช่นแนวเส้นตรงจากปลายลำกล้องถึงสุดพานท้าย หูหิ้วประกอบศูนย์เล็งหลังรูปร่างแปลกตาและศูนย์หน้าทรงสามเหลี่ยมยกตัว กระโจมมือและพานท้ายทำจากพลาสติก โครงปืนสร้างจากอัลลอยทำให้น้ำหนักเบากว่าปืนของFNถึง0.9ก.ก. การวางแนวลำกล้องเป็นเส้นตรงถึงปลายพานท้ายไม่ลาดลงเหมือนปืนรุ่นก่อน ส่งแรงรีคอยล์(ถีบ)เข้าหาไหล่คนยิง ปืนจึงกระแทกถอยหลังตรงๆแทนที่จะสะบัดขึ้น ยิงต่อเนื่องได้เร็วกว่า
| AR-10 |
ถึงAR-10จะไม่ได้รับใช้ชาติแต่นวัตกรรมของมันเข้าตากรรมการ เมื่อพลเอกวิลลาร์ด จี. ไวแมนหัวหน้าคณะทดสอบปืนใช้กระสุน5.56ม.ม.ขณะนั้นเคยร่วมทดสอบและพบว่ามันเป็นปืนที่ดี หากเปลี่ยนวัสดุทำลำกล้องแล้วใช้กระสุน5.56ม.ม.วินเชสเตอร์ ด้วยข้อกำหนดว่าปืนต้องหนัก2.7ก.ก.รวมกระสุน20นัด ยิงทะลุหมวกเหล็กมาตรฐานหรือแผ่นเหล็กหนา3.4ม.ม.ได้ในระยะไกลสุด460เมตร สร้างความเสียหายให้เป้าหมายได้เท่ากับกระสุน.30คาร์บีน จะทำเช่นนี้ได้ปืนต้องฉกาจพอกับกระสุน และAR-10จากอาร์มาไลต์ยังไม่เคยทดสอบ
ผลการทดสอบเป็นไปตามคาด AR-10ลดขนาดกระสุนตามความคิดของไวแมน กระสุน5.56ม.ม.นั้นมากพอให้ทหารขนติดตัวได้อย่างอุ่นใจ ควบคุมทิศทางได้ง่าย จึงเบียดคู่แข่งจากFNและสปริงฟีลด์ตกขอบเข้าสู่การทดสอบใช้งานในสถานการณ์จริงด้วยชื่อใหม่ว่าAR-15 ปรับปรุงใหม่ให้เล็กและเบากว่าเดิมด้วยน้ำหนักเปล่า2.5ก.ก.และ2.7ก.ก.พร้อมกระสุน20นัด แต่ดูเหมือนจะมีมารผจญตลอดเวลากว่าจะได้ปืนดีๆสักกระบอก AR-15ลำกล้องระเบิดอีกระหว่างทดสอบกลางฝน เมื่อจะนำไปทดสอบในสภาพหนาวเย็นของอลาสกาสโตเนอร์จึงต้องตรวจสอบในฐานะผู้ออกแบบและให้เปลี่ยนชิ้นส่วน
| M16A4 ปืนรุ่นที่ใช้ในปัจจุบัน ใช้โดยนาวิกโยธินสหรัฐ |






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น